แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ นอนไม่หลับ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ นอนไม่หลับ แสดงบทความทั้งหมด
วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555 - , 0 ความคิดเห็น

สำรวจตัวเองหาสาเหตุที่ทำให้ “คุณนอนไม่หลับเพราะอะไร”



คุณนอนไม่หลับเพราะอะไร
                
         มีสาเหตุอยู่หลายอย่างที่อาจทำให้คุณนอนไม่หลับ บางสาเหตุก็ดูเหมือนไม่สลักสำคัญอะไรเลย แต่ก็เป็นปัญหาคล้าย เส้นผมบังภูเขา ถ้าคุณจับจุดๆได้ก็แก้ง่าย แต่ถ้าไม่รู้ปัญหาก็จะวนเวียนอยู่อย่างนั้นไม่รู้จักจบสิ้น คุณควรสำรวจตัวเองดังนี้
 วิธีสำรวจตัวเอง 10 หาสาเหตุของการนอนไม่หลับ


1.คุณเป็นคนหลับยากหรือหลับน้อยมาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า?
2.คุณนอนผิดเวลาหรือผิดที่หรือปล่าว?
3.คุณถูกรบกวนจากสิ่งรอบข้างหรือปล่าว?
4.คุณมีปัญหากับเครื่องนอนหรือปล่าว?
5.คุณมีโรคประจำตัวหรือปล่าว?
6.คุณหายใจเป็นปกติหรือเปล่าขณะหลับ?
7.คุณนอนขากระตุกหรือปล่าว?
8.คุณใช้ยาหรือสารกระตุ้นหรือปล่าว?
9.นอนไม่หลับเพราะหิว
10.โรคจิตประสาทก็ทำให้นอนไม่หลับ
วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555 - , , 1 ความคิดเห็น

คุณนอนไม่หลับเพราะอะไร?

                ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกครับที่นอนไม่ค่อยหลับ มีคนอีกนับล้านที่ไม่สามารถหลับได้อย่างที่ต้องการได้ บางคนยอมก้มหน้าสู้ทนรับผลกระทบที่เกิดจากการนอนหลับไม่พออยู่นานถึง 12 ปีกว่าจะเรียกหาความช่วยเหลือ
                ดอกเตอร์ ซาอูล รูเธนเบิร์ก ผู้เชี่ยวชาญโรคนอนไม่หลับแห่งศูนย์การแพทย์ชาวยิวที่ลองไอแลนด์ นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าปัญหาการนอนไม่หลับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่พวกเขาจะต้องทนเอา พวกเขาไม่รู้ว่ามัน มันไม่ใช่ธรรมชาติ เป็นการผิดปกรติอย่างหนึ่งและมีวิธีการมากมายที่สมารถแก้ปัญหานี้ได้ แต่ทุกคนจะต้องถามตัวเองก่อนว่าพอใจกับนิสัยและรูปแบบการนอนหลับของตัวเองหรือเปล่า ถ้าคำตอบออกมาว่าไม่ นั่นแปลว่าคุณต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในวิถีชีวิตเพื่อช่วยให้รูแบบการหลับดีขึ้น สิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือ เปลี่ยนนิสัยการนอนแบบเก่าที่คุณไม่พอใจมาเป็นนิสัยการนอนแบบใหม่ที่น่าจะช่วยให้คุณดีขึ้น
                ดอกเตอร์ ซาอูล รูเธนเบิร์ก แนะนำว่า การสำรวจรูปแบบการหลับของตัวเองขั้นแรกควรจะจดบันทึกประจำวันไว้ในสมุดไดอารี สำหรับการจำแนกปัญหาต่างๆ ในสมุดบันทึกนี้จะต้องบันทึกเวลาเข้านอน เวลาตื่น และเวลานานแค่ไหนกว่าจะหลับ ตื่นก่อนกำหนดหรือเปล่า และช่วงเวลาที่มีการงีบหลับตอนกลางวัน ถ้าทำการบันทึกแบบนี้ในสมุดไดอารีติดต่อกันประมาณ สองสามสัปดาห์ ก็จะได้รูปแบบของการหลับที่เป็นของคุณ
วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - , , 0 ความคิดเห็น

สถิติเกี่ยวกับคนนอนหลับไม่พอเพียง

สถิติเกี่ยวกับคนนอนหลับไม่พอเพียง

                65% ของคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วหลับไม่ถึงตามเกณฑ์เฉลี่ย 8 ชั่วโมง
                36% กลับน้อยกว่า 6.9 ชั่วโมงมีคนจำนวนมากพยายามจะนอนหลับให้เต็มที่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ไม่เคยทำได้
                68% ของคนโตเป็นผู้ใหญ่นอนหลับไม่เต็มตา – เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับการหลับสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง
                68% ของคนนอนไม่พอเพียงเป็นคนทำงานผลัดกลางคืน
                62% ต้องใช้นาฬิกาปลุกให้ตื่นตอนเช้า
                51% ขับรถขณะอยู่ในอาการสะลืมสะลือ
                17% หลับในขณะขับรถ
                32 – 42% เครียดและหงุดหงิดขณะขับรถ
                61% สมาธิลดลง
                51% ทำงานได้น้อยลง
                40% ประสิทธิภาพในการทำงานแย่ลง
                51% ของผู้หญิงบอกว่าปัญหานอนหลับไม่พอมีผลกระทบต่อกิจกรรมประจำวัน
                46% บอกว่ามีผลทำงานบ้านไม่ได้เต็มที่
            28% บอกว่ามีผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคู่สมรส
            28% มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับลูกๆ
                27% บอกว่ามีผลกระทบต่องานอาชีพ
                24% บอกว่ามีผลกระทบต่อการดูแลครอบครัว
วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555 - , , 0 ความคิดเห็น

หลับไม่พอจะเกิดอะไรขึ้น?

หลับไม่เพียงพอ

                การหลับมีประโยชน์อะไรอาจมองเห็นไม่ชัด แต่ถ้าหลับไม่เพียงพอจะมีผลออกมาชัดเจน การหลับไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ไม่ว่าจะเป็นจำนวนชั่วโมง หรือช่วงเวลาของการหลับ มีความแตกต่างกันในแต่ละคน บางคนชอบนอนหัวค่ำตื่นเช้า บางคนนอนดึกตื่นสาย บางคนนอนกลางวันทำงานกลางคืน บางคนนอนหลับเพียงวันละ 4 ชั่งโมงก็พอแล้ว แต่บางคนตอนนอนนอน 7 – 8 ชั่วโมง ข้อสำคัญเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่น แจ่มใสมีเรียวแรง แสดงว่านอนเต็มอิ่ม ถือได้ว่าเป็นการนอนที่เพียงพอ
                มีคนไม่น้อยที่เข้าใจว่า เมื่อคนเราอายุมากขึ้นจะต้องการเวลานอนหลับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด ถ้าตอนหนุ่มสาวเคยหลับวันละ 7 ชั่วโมง ก็ไม่จำเป็นจะต้องหลับวันละ 7 ชั่วโมงครึ่งเมื่อแก่ตัวลง แต่ถ้าหลับยาวเกินกว่า 7 ชั่วโมง นั่นไม่ได้เกี่ยวกับอายุ แต่เป็นการชดเชยที่ก่อนหน้านี้อดนอนหรือนอนหลับไม่พอเพียง อ่างไรก็ตามความเพียงพอของการหลับควรคำนึงถึงทั้งคุณภาพและปริมาณควบคู่กันไป
                สำหรับเรื่องการหลับไม่พอเพียงสั้น สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นก็คือปัญหาเรื่องความจำและสมาธิ โดยทั่วไปแล้วคนอดนอนมักจะนึกหาคำพูดำไม่ค่อยออก อธิบายสิ่งที่คิดอยู่ในหัวไม่ถูก นอกจากนั้นแล้วคนนอนไม่พอมักจะมีอารมณ์หงุดหงิด และถ้าอดนอนมากเข้าอาจถึงตายได้ ไม่ได้ตายเพราะอดนอนหรอกครับ แต่ตายเพราะติดโรคง่าย จากการทดลองในห้องปฏิบัติการพบว่า หนูทดลองที่อดนอนจะตายเพราะการติดเชื้อ แสดงให้เห็นว่าการหลับมีผลกระทบโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันโรคมันช่วงฟื้นฟูสมรรถนะของร่างกายให้กลับคืนมา
                นอกจากนั้นแล้วการหลับไม่พอเพียงยังมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีในร่างกายอีกด้วย ทำให้ระบบส่งสัญญาณของเส้นประสาทเปลี่ยนไป รวมทั้งระดับฮอร์โมนก็เปลี่ยนไปด้วย ตัวอย่าง เช่น ฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญเติมโตของร่างกาย ซึ่งปกติจะหลั่งออกมามากที่สุดตอนกำลังหลับ ดังนั้นเด็กที่นอนหลับไม่สนิทหรือนอนไม่เพียงพอจะขาดฮอร์โมนตัวนี้ การเจริญเติบโตหยุดชะงัก ร่างกายจะแคระเกรนกว่าเด็กปกติทั่วไป
วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555 - , , 0 ความคิดเห็น

นอนหลับทำไม?

นอนหลับทำไม

การนอนหลับถ้าดูแต่ผิวเผินเหมือนเป็นการสูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ถ้าไม่ต้องหลับเสียอย่างเราก็สามารถเอาเวลานั้นไปทำอะไรต่อมิดะไรได้เยอะแยะ แต่ถึงอย่างไรการหลับก็ยังเป็นความจำเป็นที่ขาดเสียมิได้
                มีเรื่องให้ถกกันเสมอมาว่าทำไมคนเราต้องหลับ ทำไมสัตว์ส่วนใหญ่ต้องหลับ และต้องการหลับมากน้อยแค่ไหน สัตว์ชั้นสูงส่วนใหญ่ต้องการพักผ่อนนอนหลับไม่เคลื่อนไหว นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการบันทึกคลื่นสมองขณะกำลังหลับของนก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่า บรรดาแมลงและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมีการหลับกันบ้างหรือเปล่า
                ไมมีใครรู้แน่ชัดว่าทำไมต้องหลับ คำตอบพื้นๆ ที่สุดก็ว่า การหลบช่วยในการฟื้นฟูสมรรถนะของร่างกาย ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง บางทฤษฎีก็ว่า การฝันร้ายขณะกำลังหลับช่วยทำให้ความจำของคนเราดีขึ้น และบางทฤษฎีก็ว่า การหลับเป็นการอัดประจุไฟฟ้าแก่สมอง เพื่อรักษาสารประกอบทางเคมีของสมองให้คงอยู่ในระดับที่เหมาะสม หรือทำให้สมองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอะไรทำนองนั้นแหละ
วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555 - , , 1 ความคิดเห็น

หลับแบบคลื่นสมองช้า


การหลับของคนเราจะเริ่มหลับแบบคลื่นสมองช้า(SWS) ประมาณ 60 – 90 นาที จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นหลับแบบกลอกตาเร็ว (REM) อยู่ประมาณ 5 – 10 นาที แล้วก็กลับไปหลับแบบแรกสลับกันไปมาเป็นลักษณะวงจรไปเรื่อยๆ โดยช่วงเวลาของการหลับแบบคลื่นสมองช้า (SWS) จะสั้นลง และช่วงเวลาของการหลับแบบกลอกตาเร็วจะยาวขึ้นเมื่อใกล้ตื่น
                การหลับแบบคลื่นสมองช้า(SWS) ยังแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ตามลักษณะของคลื่นสมอง (EEF) ดังนี้
                ระยะที่ 1 จะกินเวลาประมาณ 1 – 7 นาที เป็นช่วงที่คลื่นสมองจะเริ่มช้าลง  ระยะนี้ยังหลับไม่สนิท แค่มีเสียงรบกวนหรือถูกแตะตัวเบาๆ ก็ตื่นแล้ว
                ระยะที่ 2 จะกินเวลาประมาณ 10 – 254 นาที เป็นช่วงที่คลื่นสมองช้าลงอีก
                ลักษณะการหลับในระยะที่ 1 – 2 อยู่ในสภาพหลับๆ ตื่นๆ ลูกตาจะกลอกไปมาช้าๆ อยู่ใต้หนังตาที่ปิดอยู่ การหายใจยังไม่สม่ำเสมอ อาจมีการหยุดหายใจเป็นพักๆ
                ระยะที่ 3 กินเวลาเพียงไม่กี่นาที คลื่นสมองช้าลงอีกและกว้างขึ้น
                ระยะที่ 4 กินเวลาประมาณ 20 - 40 นาที คลื่นสมองช้าลงและกว้างกว่าระยะที่ 3
                ลักษณะการหลับในระยะที่ 3 – 4 ตะอยู่ในสภาพหลับสนิท ลูกตาหยุดการเคลื่อนไหว จังหวะการหายใจสม่ำเสมอและช้าลง ชีพจรและความดันโลหิตลดลง กล้ามเนื้อคลายตัวเต็มที่ ปลุกให้ตื่นยาก ถ้าถูกปลุกจนตื่นจะสับสน จำสิ่งที่ตนเองทำไม่ได้ เช่นเดินละเมอ ปัสสาวะรดที่นอน หรือเคี้ยวฟันขณะหลับ
                พอพ้นระยะที่นี้ไปแล้วก็จะถอยกลับไปสู่ระยะที่ 3 แบะ 2 ตามลำดับ แต่ช่วงถอยนี้จะใช้เวลาสั้นกว่าคือประมาณ 5 – 10 นาที จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นของการหลับแบบกลอกตาเร็ว คนหลับอาจขยับตัวหรือพลิกไปมา แต่นิ่งไม่ใช่ตื่น ยังคงหลับสนิทเหมือนเดิม แล้วก็จะวนหลับไปสู่การหลับแบบคลื่นสมองช้า วนกลับไปกลับมาอย่างนี้ประมาณ 4 – 5 รอบคลอดช่วงของการนอนหลับ 8 ชั่วโมง